เครื่องวัดค่า CCA , DHC รุ่น BT111 , BT222
การวัดค่า CCA ของแบตเตอรี่ รถยนต์ ทั้งแบตน้ำและแบตแห้ง
1. เอา ขั้ว บวก และขั้วลบ หนีบที่แบตรถยนต์ให้ตรงขั้ว( ค่าโวล์จะแสดงขึ้นมา )
2. กด enter เลือก BATT กด enter …………
กดปุ่มขึ้นลงจะมี2หัวข้อให้เลือก
2.1. SEAL ( แบตแห้งเลือก SEAL ) แล้วกด ENTER
2.2. SLI ( แบตน้ำเลือก SLI ) แล้วกด ENTER
กดปุ่ม (ขึ้น ลง)จะมี5หัวข้อให้เลือก
1.SAE คือมาตรฐาน สหรัฐ UAS เลือกUSA
2.CA คือมาตรฐาน แคนนาดา CANADA
3.EN คือมาตรฐาน อังกฤษ ENGLAND
4.IEC คือมาตรฐาน ยุโรป europe
5.DIN คือมาตรฐาน เยอรมันนี germanny
เลือก SAE (มาตรฐานUSA ) กด ENTER
3.เครื่องจะถามค่า CCA เริ่มต้น ( เราควรรู้ว่าว่าแบตแต่ละรุ่นจะมีค่า CCAประมาณเท่าไร )
ใช้ลูกศร ขึ้น ลง ปรับค่า CCA ให้ใกล้เคียงกับค่าCCAของแบตที่เราจะวัด
ตัวอย่าง...เลือกค่า CCA เริ่มต้นที่ประมาณ 340 สำหรับแบต BOSCH 52AMPS
แล้วกดปุ่ม ENTER เครื่องวัด จะแสดง ค่า CCA ออกมา เช่น แสดงค่า CCA ที่ 410
O ไฟเขียว คือแสดงประสิทธิภาพของแบต O ไฟเหลือง คือประสิทธิภาพของไดชาร์ท
การวัดค่า ระบบสตาร์ทของรถยนต์ และไดชาร์ท
( SYSTEM TEST ) เฉพาะรุ่น BT 222 รุ่นBT111วัดไม่ได้
1. กดปุ่ม ENTER 2. เลือกSYSTEM กดENTER 3.เลือกCRAN กดENTER
2.เอา ขั้ว บวก และขั้วลบ หนีบที่แบตรถยนต์ให้ตรง ขั้ว ( ค่าโวล์จะแสดงขึ้นมา )
โวลล์ขึ้น 12.13V ……… test จากรถ NISSAN MARCH
3. สตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วมาดูหน้าจอ BT222 จะเห็นว่า โวลล์จะเหลือ 8.29 volt
O ไฟเขียวขึ้น ที่หน้าจอ แสดงว่าระบบ สตาร์ท OK
4. กดปุ่ม ENTER เลือก CHARGE กดenter
ที่หน้าจอ โวลล์จะขึ้น 14.19 V ...TEST จากรถ NISSAN MARCH
หมายยเหตุ โวลล์ที่เหมาะสมสำหรับการชาร์ท คือ
13.2 - 14.6 volt แสดงว่า ไดชาร์ททำงานปรกติ
ถ้าโวลล์สูงกว่า 14.6 Volt แสดงว่ารถยนต์ OVER CHARGE
DHC BT 111 เครื่องวัดค่า CCA ของแบตเตอรี่
DHC BT 222 เครื่องวัดค่า CCA ของแบตเตอรี่ , วัดไดสตาร์ท , วัดไดชาร์ท
DHC BT 501 เครื่องวัดค่า CCA ของแบตเตอรี่ , วัดไดสตาร์ท , วัดไดชาร์ท , สามารถปรินท์ผลทดสอบได้
สนใจกรุณา ติดต่อได้ที่เบอร์ 0816853377
ID LINE : 0816853377
ความรู้ ค่า CCA แบตเตอรี่ หรือค่า กำลังสตาร์ทของแบตเตอรี่
ในปัจจุบันนี้ พศ 2558 แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อต่างๆนั้นมีให้เลือกหลายรุ่นหลายขนาด เช่นยี่ห้อแบต GS , 3K , PANASONIC BOSCH , YAUSA , FB , BOLIDEN ..... และแบตเตอรี่แต่ละรุ่นนั้นก็จะมี มีกำลังไฟ (POWER) และแอมป์แปร์ที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่รถยนต์ปัจจุบันโดยทั่วๆไปจะมีให้เลือกอยู่3ชนิด คือ 1.แบตน้ำ กรด-ตะกั่ว 2.แบตกึ่งแห้งพร้อมใช้ MF และ 3. แบตแห้งพร้อมใช้ SMF ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละชนิดจะมีกำลังสตาร์ทของแบตหรือค่า CCA ที่ไม่เท่ากัน ซึ่งค่าCCAนี้ผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปจะไม่ค่อยสนใจมากนักเพราะอาจจะไม่เข้าใจว่ามันคือค่าอะไรมีผลอะไรต่อเครื่องยนต์ แต่ผู้ใช้รถยนต์หลายๆท่านก็คงเข้าใจและรู้จักดีว่า ค่า CCA หรือค่ากำลังสตาร์ทของแบต คืออะไร ค่า CCA ย่อมาจากคำว่า (Cool Cranking Ampere) ของแบตเตอรี่ หรือค่ากำลังสตาร์ทของแบตเตอรี่นั้นเอง
CCA (Cool Cranking Ampere) ค่านี้มีความสำคัญอย่างไร ค่านี้เป็นค่าที่บอกถึงกำลังไฟสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นเอง.....ถ้าค่าCCA นี้ลดลงไปถึงจุดจุดหนึ่ง ก็อาจทำให้กำลังไฟจากแบตเตอรี่ ลูกนั้นๆ ไม่พอสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ( แต่การสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติดนั้นก็อาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆประกอบด้วยเช่นกัน ) ค่า CCA ของแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละรุ่น นั้น จะมีค่าไม่เท่ากัน แบตเตอรี่ที่มี่แอมป์มากกว่า ถ้ายี่ห้อเดียวกัน และชนิดเดียวกันจะมีค่า CCA ก็จะมากกว่าแน่นอน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อ PANASONIC ชนิด MF ขนาด35 แอมป์ และ45แอมป์
แบต45แอมป์ก็จะมีค่า CCAที่มากกว่าแน่นอน
การเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ถ้าเลือกใช้อย่างเหมาะสมก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้นานไปอีกพอสมควร
สาเหตุที่ทำให้แบตเสื่อมเร็ว
1. เลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไม่เหมาะสมกับรถ คือเลือกใช้แบตที่มีแอมป์น้อยไป ( สามารถใช้ได้แต่ใช้ได้ไม่นานเพราะ กระแสไฟจากไดชาร์ท ชาร์ทกระแสเข้ามาที่แบต เทียบสัดส่วนแล้ว เป็น OVER CHARGE....ผลจะทำให้แบตไฟเต็มเร็วไป ภายในแบตจะร้อนเร็วและในที่สุด แบตก็จะบวมง่ายพังเร็ว
2.ไปดัดแปลงไดชาร์ทมาเพื่อให้ชาร์ทกระแสเข้าแบตได้เร็วขึ้น ( โดยส่วนมากคนที่ชอบแต่งเครื่องเสียงรถยนต์ชอบทำกัน )เหตุผลที่พังเร็วเพราะ สัดส่วนของกระแสในการชาร์ทแบตเป็น OVER CHARGE ,และแบตจะมีการ CHARGE บ่อยครั้งและถี่ มากกว่ารถยนต์ปรกติเพราะมีการใช้พลังงานไปขับ POWER AMPS ที่อยู่ในรถ
3.จอดรถนานมากเกินไป จนทำให้แผ่นตะกั่วมีเขม่าตะกอนไปเกาะที่แผ่นธาตุ ทำให้ประสิทธิภาพในการกักเก็บกระแสในตัวแบตเตอรี่ ทำได้ไม่ดี
4.ไดชาร์ป ชาร์ทไฟเข้าแบตตลอดเวลาขณะติดเครื่องยนต์ ไฟเข้าแบตเต็มแล้วแต่ไฟชาร์ปไม่หยุดชาร์ท สาเหตุคือวงจรอิเลคทรอนิกส์ตรวจสอบแรงดันไฟในระบบชาร์ทเสีย
5.การที่ภายในรถยนต์มีอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์มากเกินไป เช่น มีแอร์หลายตัว มีพัดลม มีจอทีวีหลายจอ มีแอมป์ขยายเสียงมาก มีลำโพงมากและมีการใช้งานอยู่บ่อยๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้แบตเตอรี่ ก็จะมีการชาร์ทไฟเข้าแบตบ่อยกว่าปรกติ
การเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีค่า CCA สูงกว่านั้นดีอย่างไร
1.สามารถจอดรถทิ้งไว้ได้นานกว่า ยังสามารถสตาร์ทรถได้ปรกติเพราะ
2.สามารถเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในรถขณะดับเครื่องยนตืได้นานกว่าก็ยังคงสามารถสตาร์ทรถติดได้
3.แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานที่นานกว่าแบตเตอรี่ที่มีค่า CCAต่ำกว่า
แผนที่ CARBATT.COM